วันเสาร์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ความเชื่อโบราณเกี่ยวกับ....แม่ซื้อ


คนไทยสมัยโบราณเชื่อว่าเมื่อทารกเกิดใหม่ๆจะต้องมีแม่ซื้อมาซื้อทารกนั้นเป็นการซื้อกันท่าผี คือถ้าไม่มีแม่ซื้อก็กลัวผีจะมาแย่งเอาไปเลี้ยงเสีย นั่นหมายถึงเด็กทารกจะตายเมื่อคลอดใหม่ๆ
   ประเพณีเมื่อทารกเกิด เขามักเอามาใส่กระด้งร่อน แล้วร้องว่า - สามวันลูกผี สี่วันลูกคน ลูกของใครมารับเอาไป เน้อ - แล้วก็มีผู้หนึ่งร้องตอบว่า - ลูกข้าเอง แล้วก็เอาเงิน 32 เบี้ย ออกมาซื้อ เป็นการลวงผีว่าเด็กนี้ไม่ดี แม่ของตัวที่คลอดออกมาไม่รัก จนต้องมีคนอื่นมาซื้อไปเลี้ยง เมื่อเป็นดังนั้นผีก็ไม่อยากได้ คือไม่เอาไปเลี้ยงเมืองผี เด็กคนนั้นจึงอยู่รอดในโลกมนุษย์ได้
   พอเด็กคลอดออกมาหมอตำแย จะต้องส่งเด็กให้กับผู้ที่บิดามารดาเด็กจัดเตรียมไว้ คือผู้ที่มีนิสัยและความประพฤติเป็นที่ถูกใจของบิดามารดาเด็กนั้น ถือกันว่าเด็กนั้นจะมีนิสัยเหมือนกับผู้ที่มารับอุ้มครั้งแรก ต่อมาก็อาบน้ำ เมื่อเด็กเติบโตขึ้นจะบริบูรณ์ด้วยทรัพย์สินเงินทอง อาบน้ำแต่งตัว แล้วก็วางบนเบาะซึ่งอยู่ในกระด้ง ถ้าเป็นเด็กหญิงก็ใส่ด้าย เข็มลงไปด้วย จะได้เก่งในการเย็บปักถักร้อย ถ้าเป็นเด็กชายก็ใส่กระดาษดินสอจะได้เป็นปราชญ์
   พออายุๆได้ประมาณ 1 เดือน ก็จะทำพิธีโกนผมไฟ พราหมณ์ผู้ทำพิธีจะนำถุงถั่วต่างๆ วางไว้ข้างเปลทั้งสองข้าง เอาหินบดยาวางไว้ข้างหนึ่ง ฟักวางไว้ข้างหนึ่ง แล้วเอาแมวที่แต่งตัวไว้ลงเปลเสียก่อน มีความหมายว่า ให้เด็กนั้นงอกงามเกิดมูนพูนผลเหมือนถั่ว ให้เนื้อเย็นเหมือนฟัก ให้หนักแน่นเหมือนหิน ให้รู้อยู่เหมือนแมว



ห้ามนอนตอนหัวค่ำ


         
  
นับว่าหลากหลายเรื่องราวเกี่ยวกับข้อห้ามของคนโบราณที่เรานั้นเคยได้ยินผ่านหูมาบ้าง ซึ่งทุกอย่างนั้นล้วนเกี่ยวข้องกับเรื่องราวในชีวิตประจำวันของเราทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นการกิน การนอนและเรื่องราวอื่นๆอีกมากมาย  วันนี้ขอกล่าวถึงความเชื่อในเรื่องของการนอนในช่วงหัวค่ำก็แล้วกัน ทำไมถึงห้ามนอนตอนหัวค่ำ และการนอนตอนช่วงหัวค่ำจะส่งผลอะไรกับผู้นอน
    ตามความเชื่อของคนโบราณนั้น มีการห้ามนอนตอนหัวค่ำ เพราะกลัวตะวันทับตาเมือนอนแล้วจะไม่อยากตื่นหรือเมื่อตื่นขึ้นมาก็จะรู้สึกสับสนไม่รู้ว่าวันไหนเป็นวันไหน ซึ่งตรงนี้เจก็ได้ประสบกับตัวเองมาเช่นกัน คือได้นอนหลับในตอนบ่าย แล้วตื่นขึ้นมาในช่วงหัวค่ำ แต่ลืมตาอย่างไรก็ลืมไม่ขึ้นซึ่งก็ตรงกับคำที่ว่าตะวันทับตานั่นเอง  เมื่อมองในอีกแง่มุมหนึ่งการห้ามนอนในตอนหัวค่ำก็เพื่อไม่ให้คนนอนตอนโพล้เพล้ เดี๋ยวกลางคืนจะนอนไม่หลับ แล้วคนโบราณเป็นคนนอนแต่หัวค่ำ ถ้านอนตอนเย็นแล้วตื่นแล้วนอนใหม่จะนอนหลับยาก เขาจึงออกกุศโลบายมาแบบนี้นั่นเอง

เครดดิตจาก
http://www.thaiwriter.net/forum01/index.php?topic=4177.0

วันพฤหัสบดีที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2553

อาถรรพ์ของนกแสก

สวัสดีค่ะเพื่อนๆทุกคน  ดิฉันชื่อเจเล่ค่ะ   ก่อนอื่นขออนุญาตพูดถึงการทำ Blog นิดหนึ่งนะค่ะ เริ่มจากสังคมไทยเรามีความเชื่อต่างๆ มากมาย ในสมัยก่อนหรือแม้แต่ในปัจจุบัน เชื่อว่าหลายคนคงเคยถูก ปู่ ย่า ตา ยาย หรือ พ่อ แม่ สั่งสอนห้ามทำโน่นทำนี่ ด้วยเหตุผลที่อธิบายได้ยาก และบางครั้งดูไร้เหตุผล   แต่ทำไมคนในสมัยก่อนนั้นถึงได้เชื่อว่าการทำแบบนี้แบบนั้นหรือการเห็นและอาจจะบอกได้จากความเป็นจริงหรือที่เรียกว่าลางสังหรณ์บางอย่าง  อย่าคิดว่าเชื่อโบราณแล้วจะบานบุรี แต่เชื่อไว้สักหน่อยน่าจะดีค่ะเพื่อนๆเราลองมาดูความเชื่อต่างๆในบ้านเรากันดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง  และเพื่อนๆคนไหนที่มีความเชื่อในเรื่องของอะไรก็สามารถนำมาแชร์ประสบการณ์กันได้นะค่ะ


คุณเชื่อเรื่องนกแสกกันหรือเปล่า
อาถรรพ์ของนกแสก
       เป็นความเชื่อกันมานมนานว่าหากนกแสกเกาะหลังคาบ้านหลังไหน จะเกิดลางร้ายกับคนที่อาศัยอยู่ในบ้านหลังนั้น นกแสกเป็นนกที่ถือว่าให้ความอัปมงคลเป็นอย่างยิ่ง  ไม่แต่เฉพาะ คนไทยเท่านั้นที่ถือในเรื่องนี้ฝรั่งเองก็ถือเคล็ดนี้เช่นกัน ก็เพราะโดยธรรมชาติของนกแสกมักจะไม่มาปะปนอยู่ตามที่อยู่อาศัยของคนให้เห็นนัก หากเมื่อใดมีนกแสกมาเกาะที่หลังคาบ้านใดแล้วเชื่อว่าคนที่ป่วยอยู่ก็อาจเสียชีวิตได้ จึงมักจะมีคนนิยมแก้เคล็ดให้ร้ายกลายเป็นดี ด้วยการนำเอาดอกไม้ ธูปเทียน สุรา มาบอกกล่าวส่วนคนโบราณบางท่านที่เคร่งมากๆ ก็อาจเพิ่มด้วย ข้าวสาร ข้าวตอก ผ้าแดง ผ้าขาวและเงินทอง
   คนโบราณเขามีความเชื่อถือกันมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยถ้าบ้านไหนมีนกแสกมาเกาะไม่ว่าจะส่งเสียงร้องหรือไม่ก็ตาม ผู้ใหญ่จะห้ามลูกหลานทันทีว่าอย่าไปเอ่ยปากทักอย่างเด็ดขาดโดยเฉพาะลูกหลานทุกคนจะถูกสั่งให้อยู่เฉยๆ ห้ามพูดอะไรทั้งสิ้น จนกว่านกแสกหรือนกผีจะบินไป ไม่เช่นนั้นจะต้องมีการตายเกิดขึ้นที่บ้านหลังนั้น